คลินิกกายภาพบำบัด บางพลัด MRT สิรินธร

Manual Technique

เป็นการรักษาแบบหัตถการ หรือ เป็นการรักษาด้วยการใช้มือ ดึง ดัด จัดกระดูก และข้อต่อต่างๆ ฉะนั้นจำเป็นอย่างยิ่งที่นักกายภาพบำบัดต้องมีความรู้เกี่ยวกับกายวิภาคศาสตร์ (Anatomy) เพื่อการปรับโครงสร้างข้อต่อกระดูก กล้ามเนื้อ และเส้นประสาทให้อยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม เพราะฉะนั้นนักกายภาพบำบัดจึงต้องมีประสบการณ์และความชำนาญในการรักษา

นวดกายภาพบำบัดคือการใช้เทคนิคการนวดและการออกกำลังกายเพื่อช่วยรักษาและปรับปรุงสุขภาพของร่างกาย โดยมุ่งเน้นไปที่การฟื้นฟูฟังก์ชันของร่างกายหลังจากการบาดเจ็บหรือการเจ็บป่วย หรือช่วยลดอาการปวดเมื่อมีอาการปวดเกี่ยวกับข้อต่อหรือกล้ามเนื้อ นอกจากนี้ยังสามารถช่วยปรับปรุงระบบภูมิคุ้มกันและระบบทางเดินหายใจได้อีกด้วย การนวดจุด Trigger point, การนวดแบบศีรษะและคอ หรือการนวดแบบเบา ๆ เพื่อช่วยคลายเครียดและเพิ่มการไหลเวียนของเลือดในร่างกาย

การนวดกายภาพบำบัดสามารถช่วยปรับปรุงสุขภาพร่างกายได้หลากหลายด้วยกัน เช่น ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อ, ช่วยเพิ่มกระแสเลือด, ลดการตึงเครียด, ลดอาการปวด, ช่วยฟื้นฟูฟังก์ชันของร่างกายหลังจากการบาดเจ็บหรือการเจ็บป่วย


Manual Technique ประกอบด้วยวิธีการต่างๆ ดังนี้

Mobilization : การขยับข้อต่อให้หายจากการติดขัด หรืออาการเจ็บปวด
Manipulation : การดัด ขยับข้อต่ออย่างเร็วและแรง เพื่อให้ข้อต่อกลับสู่ต่ำแหน่งปกติ
Muscle Energy : เป็นเทคนิคที่ใช้สำหรับคลายหรือลดความตึงตัวของกล้ามเนื้อ โดยอาศัยกลไกของระบบประสาทอัตโนมัติเข้ามาช่วย โดยขณะใช้เทคนิคนี้ผู้ป่วยจะต้องออกแรงเกร็งค้างกล้ามเนื้อเบาๆ (Isometric contraction) ซึ่งจะใช้แรงในการเกร็งประมาณ 10-20% (Submaximal contraction) เพื่อให้ข้อต่อกลับสู่ตำแหน่งปกติ
Mulligan Technique : ช่วยลดอาการปวดและเพิ่มช่วงการเคลื่อนไหว เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาปวดเรื้อรังหรือเคลื่อนไหวไม่สุด
Massage: การนวดกดจุด และผ่อนคลาย
Craniosacral Therapy : ช่วยผ่อนคลายลดการตึงของระบบประสาท
Lymphatic Drainage : ช่วยลดการไหลเวียนของระบบน้ำเหลือง
Fascial Release : ช่วยลดการตึงรั้งของพังผืด

Maitland Concept

หรือที่เรียกว่าเทคนิค Maitland แนวคิดของ Maitland ใช้การเคลื่อนไหวแบบพาสซีฟและการขยับข้อต่อของกระดูกสันหลังเพื่อรักษาอาการปวดและตึง
ระดับ 1 – การเคลื่อนไหวเล็กน้อยของกระดูกสันหลังภายในแนวต้านของกระดูกสันหลัง
ระดับ 2 – การเคลื่อนไหวที่มากขึ้นของกระดูกสันหลังแต่ยังคงอยู่ในแนวต้านของกระดูกสันหลัง
ระดับ 3 – การเคลื่อนไหวขนาดใหญ่ของกระดูกสันหลังทำให้เกิดแรงต้านของกระดูกสันหลัง
ระดับ 4 – การเคลื่อนไหวเล็กน้อยของกระดูกสันหลังทำให้เกิดแรงต้านของกระดูกสันหลัง
ระดับ 5 – การเคลื่อนไหวด้วยความเร็วสูงที่กระทำต่อแนวต้านของกระดูกสันหลัง

ประเภทของการเคลื่อนไหวที่ใช้ขึ้นอยู่กับความรุนแรง ความติดขัด และลักษณะของอาการปวดกระดูกสันหลัง การเคลื่อนไหวทำให้เกิดการเคลื่อนไหวภายในข้อต่อของกระดูกสันหลังซึ่งช่วยลดความแข็งและทำให้เคลื่อนไหวได้ง่ายขึ้น การเคลื่อนไหวที่สะดวกขึ้นยังช่วยลดความเจ็บปวดอีกด้วย