คลินิกกายภาพบำบัด บางพลัด MRT สิรินธร

เอ็นฝ่าเท้าอักเสบ-รองช้ำ อาการเป็นอย่างไร

เอ็นฝ่าเท้าอักเสบ (Plantar Fasciitis) เป็นอาการที่เกิดขึ้นเมื่อเนื้อเยื่อช่วงล่างของเท้าที่เรียกว่าเอ็นฝ่าเท้า (plantar fascia) ถูกบิดเบือนหรืออักเสบ โดยส่วนมากจะมีอาการเจ็บปวดใต้เท้า โดยเฉพาะที่ส้นเท้า พบได้บ่อยที่สายเอ็นฝ่าเท้าประสาทหน้า (medial plantar nerve) และส่วนของเอ็นฝ่าเท้าที่ต่อกับกระดูกส้นเท้า อาการอักเสบนี้สามารถเกิดขึ้นได้ทั้งเฉพาะด้านหน้าเท้าหรือทั้งสองข้าง เป็นโรคที่พบได้บ่อย โดยเฉพาะในเพศหญิงซึ่งผู้ป่วยมักมีอาการเจ็บส้นเท้า และมักเป็นมากในตอนเช้าเมื่อลุกจากเตียงโดยอาการมักเป็นๆ หายๆ และเป็นมากขึ้นตามลักษณะการใช้งานการอับเสบจะเกิดขึ้นที่เอ็นบริเวณส้นเท้าต่อเนื่องไปจนถึงเอ็นร้อยหวาย

Read More

อาการไหล่ติด วิธีบริหาร และการรักษา

ไหล่ติดหรือ Frozen shoulder เป็นภาวะที่เกิดจากการอักเสบของเนื้อเยื่อที่อยู่รอบติดต่อกับข้อไหล่ เช่น กล้ามเนื้อ ถุงลมไหล่ และเกล็ดกระดูก สาเหตุของภาวะนี้ยังไม่เป็นที่ทราบอย่างแน่ชัด แต่มักเกิดจากการบาดเจ็บ อักเสบ หรือการใช้แขนหรือไหล่ในลักษณะที่ซ้ำซาก เช่น การทำงานที่ต้องสลับมือหรืองานที่ต้องใช้แขนหรือไหล่ในระยะยาวๆ โรคเบาหวาน และภูมิคุ้มกันบกพร่องก็เป็นสาเหตุของการเกิดภาวะนี้ได้

อาการของ Frozen shoulder ประกอบด้วย ปวดไหล่ ติดขัด หรือแขนไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ การวินิจฉัยการติดไหล่จะต้องพิจารณาจากอาการที่ผู้ป่วยเล่า รวมถึงการตรวจสอบจากแพทย์ ด้วยการวิเคราะห์การเคลื่อนไหวของไหล่ และการทำภาพเอกซเรย์ หรือการใช้ MRI เพื่อวินิจฉัยขนาดของเนื้อเยื่อที่อยู่รอบติดต่อกับข้อไหล่

อาการของ Frozen shoulder ประกอบด้วย 3 ระยะ คือ

  1. ระยะแรก (ระยะอักเสบ) - ปวดไหล่เฉียบพลัน แขนเสียว และเลือดไหลออกมากขึ้น
  2. ระยะกลาง (ระยะติด) - แขนและไหล่หย่อน ไหล่ขยับได้น้อยลง ปวดเมื่อเคลื่อนไหว
  3. ระยะสุดท้าย (ระยะฟื้นตัว) - เริ่มเคลื่อนไหวได้มากขึ้น แต่ยังมีความจำกัด ปวดเมื่อเคลื่อนไหว

วิธีการรักษาโรคไหล่ติด (frozen shoulder) เนื่องจากเป็นภาวะที่เกิดขึ้นเมื่อกล้ามเนื้อและเนื้อเยื่อรอบข้อไหล่หดตัวและกดข้อไหล่เข้าด้วยกัน ทำให้เกิดอาการปวดและข้อไหล่หมุนหรือยกแขนไม่ได้ โรคนี้ไม่มีวิธีรักษาที่รวดเร็ว แต่มีขั้นตอนการรักษาตามด้านล่างนี้ที่สามารถช่วยบรรเทาอาการได้:

  1. การออกกำลังกาย: ออกกำลังกายเพื่อเสริมสร้างกล้ามเนื้อรอบข้อไหล่และปรับปรุงการหมุนและยกแขน คุณควรปฏิบัติการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอและหยุดทันทีหากมีอาการปวด
  2. การฟื้นฟูและกายภาพบำบัด: การฝึกซ้อมและกายภาพบำบัดเพื่อช่วยเพิ่มการเคลื่อนไหวและลดอาการปวด การฝึกซ้อมที่แนะนำสำหรับโรคไหล่ติดรวมถึงการเหยียดตัว, การยกแขนที่ต่างกัน, การหมุนและการดันแขนขึ้น-ลง
  3. การใช้ยาและการฉีดสาร: สารแค็ปซูลไขมันอิ่มตัว (capsaicin) หรือสารสลายน้ำตาล (corticosteroid) อาจช่วยลดอาการปวดและอักเสบ อย่างไรก็ตาม การใช้ยาหรือการฉีดสารนี้อาจมีผลข้างเคียงบางอย่าง
  4. การผ่าตัด: กรณีที่รักษาด้วยวิธีอื่นไม่ได้ผล หรืออาการแย่ลง อาจต้องพิจารณาใช้วิธีการนี้ และอาจเป็นวิธีการสุดท้ายในการรักษา

 

กายภาพบำบัดเป็นอีกหนึ่งวิธีรักษาโรคไหล่ติด (frozen shoulder) ที่ได้รับการแนะนำอย่างกว้างขวาง ซึ่งมีจุดประสงค์เพื่อเสริมสร้างกล้ามเนื้อและเนื้อเยื่อรอบข้อไหล่ ช่วยลดอาการปวดและเพิ่มการเคลื่อนไหวของข้อไหล่

กายภาพบำบัดสำหรับโรคไหล่ติดสามารถประกอบด้วยกิจกรรมต่างๆ ดังนี้

  1. การฟื้นฟูกล้ามเนื้อ: ปฏิบัติการฝึกซ้อมกล้ามเนื้อเพื่อเสริมสร้างกล้ามเนื้อรอบข้อไหล่ การฝึกซ้อมในรูปแบบการยืดและการกระตุ้นเส้นประสาทสามารถช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นของข้อไหล่ได้
  2. การบริหารกล้ามเนื้อ: การฝึกซ้อมกล้ามเนื้อโดยเฉพาะในบริเวณไหล่ เช่น การยกแขนขึ้น-ลง การหมุนแขน หรือการดันแขนขึ้น-ลง เป็นต้น
  3. การกายภาพบำบัด: ปฏิบัติการกายภาพบำบัดโดยมีผู้ช่วยฝึกซ้อม อาจประกอบด้วยการอบรมเทคนิคการฝึกซ้อม การบริหารจัดการอาการปวด การใช้วิธีรักษาอื่นๆ เช่น การใช้แค็ปซูลไขมันอิ่มตัว (capsaicin) หรือสารสลายน้ำตาล (corticosteroid) อาการไหล่ติดสามารถใช้เครื่องมือให้การรักษาทางกายภาพ เช่น TECAR Therapy พร้อมกับการ Mobilization Technique เพื่อยืด และสร้างองศาการขยับข้อต่อได้เพิ่มมากขึ้น
  4. การนวด: การนวดเพื่อช่วยปรับปรุงการไหลเวียนเลือดและระบบลมหายใจ ที่ส่วนขอ

การออกกำลังกายแก้ปวดหลัง

 

ปวดหลังเป็นปัญหาที่พบได้บ่อยสำหรับผู้คนมากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่ใช้เวลานานกับการนั่งหรือทำงานที่โต๊ะทำงาน อย่างไรก็ตาม การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอและมีท่าทางที่ดีสามารถช่วยป้องกันการเจ็บหลังได้ ต่อไปนี้คือเทคนิคการออกกำลังกายที่อาจช่วยป้องกันการเจ็บหลังได้

  1. สร้างกล้ามเนื้อคอร์ให้แข็งแรง: กล้ามเนื้อคอร์ของคุณรวมถึงกล้ามเนื้อท้องและกล้ามเนื้อหลังช่วยสนับสนุนกระดูกสันหลังของคุณและปรับปรุงท่าทางของคุณ การทำแผ่นซีด, แครัชและการยกหลังเป็นการออกกำลังกายที่ดีสำหรับการเสริมสร้างกล้ามเนื้อคอร์
  2. ยืดเข่า: เข่าที่แน่นและตึงอาจเป็นสาเหตุของการปวดหลังดังนั้น การยืดเข่าอย่างสม่ำเสมอเป็นสิ่งสำคัญ คุณสามารถทำได้โดยตั้งตัวนอนหงายและใช้สายหรือผ้าเชือกดันเบา ๆ เข่าของคุณเข้าหาลำตัว
  3. รวมกิจกรรมออกกำลังกายที่มีผลต่อร่างกายต่ำ: การออกกำลังกายแบบกระชับเชิงสูงเช่นวิ่งและกระโดดอาจทำให้เจ็บหลัง ดังนั้นคุณควรลองกิจกรรมออกกำลังกายแบบกระชับเช่งสูงต่ำ เช่นเดินเรืองานฝึกสอนฟิตเนสหรือจักรยาน
    1. ใช้ท่าทางที่ถูกต้อง: เมื่อยกน้ำหนักหรือทำออกกำลังกายอย่างใดอย่างหนึ่ง สิ่งสำคัญที่สุดคือการใช้ท่าทางที่ถูกต้อง เพื่อหลีกเลี่ยงการกดดันที่ไม่จำเป็นต่อหลังของคุณ เช่นเมื่อยกน้ำหนัก ควรเอนตัวตรงและใช้ขาของคุณในการยก
    2. พักผ่อนและยืดตัวอย่างสม่ำเสมอ: หากคุณใช้เวลานานกับการนั่งที่โต๊ะหรือหน้าจอคอมพิวเตอร์ ควรพักผ่อนโดยยืนขึ้นและยืดหลังและขาของคุณ สิ่งนี้สามารถช่วยปรับปรุงการไหลเวียนโลหิตและป้องกันความแข็งของกล้ามเนื้อได้

    โดยจำเป็นต้องระมัดระวังเสมอว่าคุณควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ก่อนเริ่มการออกกำลังกายใหม่โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณมีประวัติของอาการปวดหลังหรือโรคอื่น ๆ